ข้าวของเครื่องใช้ไม่เรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงจิตที่เสื่อม
เรื่อง ข้าวของเครื่องใช้ไม่เรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงจิตที่เสื่อม
หลวงพ่อพระมหาประกอบ ธมฺมชีโว ภิกฺขุ 28 ม.ค. 65
นัยของพระวินัยปิฎกเทศนา เกี่ยวกับการใช้ครุภัณฑ์
ข้าวของที่เป็นของสงฆ์ ท่านเน้นไปที่ของสงฆ์ของส่วนรวม
ของคนอื่น ดูเหมือนจะว่าเป็นของตนเอง
แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การช่วยกันดูแลรักษาสิ่งของต่าง ๆ
เหล่านี้ แม้จะเป็นของส่วนตัวหรือของส่วนรวมก็ตาม
ก็ทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นผู้รู้จักรักษาข้าวของ
โต๊ะเตียงตังเก้าอี้ เอาไปใช้แล้วไม่เก็บ ตากแดดตากฝน
ปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ หรือเอาไปใช้แล้วไม่เก็บ
มันก็ทำให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบ ไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่
ตนเองกระทำ ถ้าว่ามันไม่เกิดความเสียหาย ชั่วคืนชั่วข้ามคืน
ก็ไม่ได้หมายถึงว่าไม่เป็นไร แต่หมายถึงว่ามันไม่เป็นระเบียบ
มันไม่เป็นระเบียบเหมือนเก้าอี้เก็บเป็นที่ เตียงตังเก็บเป็นที่
ผ้าของเครื่องใช้เก็บเป็นที่ ก็เรียบร้อยดี เวลาจะใช้ก็ง่าย
รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ต้องการไปใช้ก็ไปหยิบได้ง่าย
เป็นระเบียบ ไม่ต้องหมายถึงว่าของคนอื่นแหละ
หรือไม่ต้องหมายถึงว่าของสงฆ์ ของตนเอง ก็ควรจะดูแลรักษา
ตั้งให้เป็นที่เป็นทางเก็บให้เรียบร้อย พระวินัยเหล่านี้
เป็นเครื่องบ่งบอกให้เห็นถึง การรู้จักรักษา
ครุภัณฑ์ของเครื่องใช้ให้เกิดความถาวรใช้ประโยชน์ได้นาน
แม้จะเป็นของเราเองก็ได้มาจากศรัทธาญาติโยมเขาถวายนั้นแหละ
ถ้าศรัทธาญาติโยมเขาถวาย แล้วมาเห็นเก็บไม่เป็นที่เป็นทาง
ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มันก็…ทำให้คลายความศรัทธาลงได้
ไม่ใช่เฉพาะเตียงตังเก้าอี้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างเสื่อหมอน แก้วน้ำกาน้ำ
กระโถน ไม้กวาด เรียกว่าของเครื่องใช้ทุกอย่างนั้นแหละ
เก็บให้เป็นที่เป็นทางเรียบร้อยดีงาม
ผ้าเช็ดเท้าผ้าสำหรับใช้เช็ดถู เสนาสนะ เรียกว่าผ้าขี้ริ้ว
เก็บให้เป็นที่เป็นทาง เรียบร้อยดีงาม แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นผู้มีระเบียบ
พระวินัยเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นถึงความรับผิดชอบ
การรู้จักคุณของสิ่งนั้น ๆ ใช้อย่างรู้จักคุณ คุณค่าของสิ่งเหล่านั้น
ไม่ใช่ใช้แบบสรุ่ยสุร่ายใช้แบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ
รวมไปถึงของใช้อื่น ๆ เช่นสบู่ยาสีฟัน ผงซักผ้า น้ำยาล้างจาน
ที่วางระเกะระกะ เรี่ยราดอยู่ตามกุฏิตามที่อาบน้ำสรงน้ำ
ถ้วยโถโอชาม เอาไปกินไปฉันแล้วไม่เก็บอย่างเงี้ย
มันแสดงให้เห็นถึงความไม่มีความรับผิดชอบต่อของสงฆ์ ต่อของส่วนรวม
หรือแม้แต่ของตนเอง ไม่ล้างพอมันสกปรก ก็เอาไปโยนลงถังขยะก็มีนะ
แก้วยังดี ๆ ชามยังดี ๆ ช้อนยังดี ๆ อย่างเงี้ย
ไปโยนลงถังขยะเสีย เพราะขี้เกลียดล้าง
หรือว่ากองไว้ จนขึ้นรา บางทีไปเดินดูแล้วอุย…น่าสลดสังเวชใจนะ
ไม่ว่าภิกษุสามเณร หรือว่าโยมละ
ล้วนแล้วแต่ไม่เหมาะไม่ควรทั้งนั้น
ไม่เหมาะไม่ควรจะเป็นของตัวเองหรือเป็นของส่วนรวมก็แล้วแต่
หรือว่าจะเป็นของวัดของบ้าน อย่างเข้าไปในบ้านนิ
ถ้าเรียบร้อยระเกะระกะก็ดูไม่ได้แหละ
แสดงว่าบ้านนั้นไม่มีระเบียบ ผ้าเช็ดเท้าไม่มีน้ำล้างเท้าไม่มี
ของเครื่องใช้สกปรก ไม่เก็บไม่เช็ดไม่ล้าง
หรือแม้แต่ห้องน้ำห้องส้วมนะ บางทีไปเห็นแหละโห….
อยู่กันยังไง ใช้กันยังไง ห้องน้ำไม่เคยขัดนิ ขันก็ไม่เคยล้าง
พื้นก็ไม่เคยขัดบางทีบ้านหลังสวย ๆ งาม ๆ แต่ไปดูห้องน้ำแล้วโหย…
มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ไม่มีระเบียบไม่รักสะอาด ฉะนั้นโบราณ
ท่านจึงว่า ดูวัดให้ดูฐาน (ดูห้องน้ำ ห้องส้วมนั้นแหละ)
ดูวัดให้ดูฐาน ถ้าห้องน้ำสกปรกอย่างเงี้ย แสดงออกให้เห็นถึงวัดนั้น
ไม่มีระเบียบ ไม่มีผู้รับผิดชอบ ไม่มีผู้ดูแลรักษา
ดูวัดถ้าดูห้องน้ำส่วนรวมบางทีก็ยังพอให้อภัยอยู่นะ
แต่ห้องน้ำส่วนตัวนิโห….หนักเข้าไปอีก ห้องน้ำส่วนตัวตามกุฏิ ดูสิ
ราขึ้นสกปรก ไม่เคยเช็ดไม่เคยถูแหละ บางทีน้ำมันรั่วน้ำมันซึม
ขันตักน้ำหรือก๊อกน้ำมันรั่วมันซึมหรือแตก
ก็ไม่ได้คิดที่ว่าจะดูแลเปลี่ยนแปลงจัดการ ใช้อยู่อย่างงั้นแหละ
ใช้อยู่อย่างงั้น ตากผ้าอาบผ้าเช็ดตัวก็ไม่เป็นระเบียบแหละ
อันนี้ก็มี ไม่ใช่ว่าเฉพาะเรื่องครุภัณฑ์อย่างอื่นแหละ
ฉะนั้นดูวัดให้ดูฐาน หรือจะดูพระองค์นั้นว่ามีระเบียบไม่มีระเบียบ
ก็ดูห้องน้ำของพระองค์นั้นแหละ ว่าสกปรกหรือสะอาด
ตามผนังนิ เชื้อราขึ้นเต็มไม่เคยล้างไม่เคยถูเลย
ประตูห้องน้ำอย่างงี้พัดลมที่มันดูดอากาศ ฝุ่นจับจนเคอะ
ก็ยังเฉย…ใช้เฉยอยู่
อย่างนี้มันเป็นเครื่องบ่งบอกสภาพของจิตที่เสื่อม
สมควรที่พระพุทธเจ้า ปรับอาบัติปาจิตตีย์
คำว่าปาจิตตีย์แปลว่าจิตเสื่อม
จิตคนนั้นเสื่อมแล้ว ปาจิตตีย์แปลว่าจิตเสื่อม
หาความเจริญได้ยากแหละ เพราะว่าจิตมันเสื่อม
ฉะนั้นดูวัดให้ดูฐาน ดูสมภารให้ดูเณรน้อย
ถ้าสมภารอบรมแนะนำพร่ำสอนดี
เณรน้อยก็เรียบร้อย ทีนี้มันไม่มีเณรน้อยจะไปดูไหนละ
ก็ไปดูชีน้อย ไปดูพระน้อย พระน้อยพระเล็กพระน้อย
ไม่มีระเบียบ พระเล็กพระน้อยไม่เรียบร้อย
ฉันก็ไม่เรียบร้อย ฉันไปคุยไป เคี้ยวผลหมากรากไม้
ควบ ๆ คาบ ๆ อย่างนี้ ไม่ระมัดระวัง
ไม่เม้มปากอย่างเนี้ย เขาเรียกว่าไม่เรียบร้อย
ห่มผ้าไม่เรียบร้อย กราบพระไม่เรียบร้อย อันนี้ก็ต้องเรียกว่า
ดูพระดูสมภาร สมภารไม่แนะนำสั่งสอน
เขาก็โทษเจ้าอาวาสแหละ ไม่ได้โทษใครหรอก โทษเจ้าอาวาส
ห้องน้ำสกปรกก็โทษเจ้าอาวาส ชีพราหมณ์ พระเณร
ในวัดไม่เรียบร้อย หรือแม้แต่คนวัดไม่เรียบร้อย
เขาก็โทษใคร ก็โทษเจ้าอาวาสแหละ ลงทีนี้หมด
ฉะนั้นว่า ดูวัดให้ดูฐาน ดูสมภารให้ดูเณรน้อย
ดูแม่บ้านให้ดูเรือนไฟ นั่น..
โบราณเขาก็ว่าไว้อีก ดูแม่บ้านให้ดูเรือนครัว
ถ้าเรือนครัวเรียบร้อยแล้วก็แสดงว่าแม่บ้าน
เป็นคนมีระเบียบสะอาด ถ้าไปดูเรือนครัวห้องครัวแล้ว
สกปรกแล้วก็พูดกันยากแหละ บ้านนั้นหาความสะอาดได้ยากแหละ
เพราะที่อยู่ที่อื่นที่กิน ยังไม่สะอาด
ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นพระวินัย มีอยู่ในพระพุทธศาสนา
ระเบียบเหล่านี้เป็นระเบียบที่พระพุทธเจ้าวางไว้
ชาวโลกจะเอามาใช้ก็ได้ เป็นข้อปฏิบัติที่ดีงาม
ของสงฆ์กับของสาธารณะ
ในวัดเขาเรียกว่าของสงฆ์ ถ้าอยู่ข้างนอก
ถ้าโยมเอาไปใช้เขาก็เรียกว่า ของสาธารณะ
เช่นถนนหนทางเครื่องของใช้ที่เป็นของทางราชการ
หรือของหลวงอย่างนี้ ถ้าเราไม่ดูแลรักษาช่วยกันก็
โยนไปให้หน่วยงานโยนไปให้ข้าราชการ
เหล่าประชาชนก็สามารถช่วยได้ ช่วยปรับปรุงช่วยแก้ไข
ช่วยสนับสนุน อันไหนมันไม่ดีไม่งามไม่สะดวกพอที่จะสละ
ทรัพย์สินเงินทองข้าวของก็ช่วยได้ก็ทำได้
หน้าบ้านมันมีฝุ่นก็เอาอะไรมาราดเสีย
มันขรุขระก็ลงทุนเอาหินเอาปูนมากลบหน่อย
เพื่อความสะดวกของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องไปรอแต่งบประมาณหลวง
หรือไปว่าไปด่าแต่หลวงว่าไม่ดูแล เหล่านี้แหละ
ก็เป็นเครื่องบ่งบอกให้เห็นถึงความรับผิดชอบเหมือนกัน
เอาไปใช้กับสังคมโลกก็ได้ พระวินัย เหล่านี้
ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้าไม่ใช่เฉพาะตรัสแสดงเพื่อภิกษุเท่านั้น
บุคคลอื่นก็เอาไปใช้ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ ไม่สงวนสิทธิ์เลย
ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านิ
เรียกว่าไม่ต้องสงวนสิทธิ์ ไม่ต้องอ้างว่าลิกขสิทธิ์
ไม่ต้องจดสิทธิบัตรแหละ เอาไปใช้ได้เลย
คุณจะเอาไปใช้ที่ไหนอย่างไรไปพูดไปโฆษณา
ไปประชาสัมพันธ์ไปซื้อไปขายได้ทั้งนั้น แหละ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเอาไปเลย
พระพุทธเจ้าไม่ได้หวงขอให้เอาไปใช้
ยิ่งใช้แล้วยิ่งเกิดประโยชน์ ยิ่งเกิดคุณ
ยิ่งก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข
นี่ไม่ได้ไปเยี่ยมหลวตาเกลี้ยงเลยวันนี้
กลับมาหรือยัง ไม่ได้ไปดู
ไปไปเดินจงกรม.
ธรรมีกถายามเย็น
หลวงพ่อพระมหาประกอบ ธมฺมชีโว
ณ วัดป่ามหาไชย
ศุกร์ที่ 28 มกราคม 65